เพื่อน ๆ เคยสงสัยบ้างไหม ทำไมบางคนเรียกว่า "โหร" ทำไมบางคนเรียกว่า "หมอดู"
"โหร" กับ "หมอดู" ต่างกันอย่างไร ทำไมถึงต้องเรียกต่างกัน...
อย่างที่ได้เกริ่นนำโดยนำคาถาไหว้ครูโหราศาสตร์กับคาถาไหว้ครูหมอดูมาไว้ในตอนที่แล้ว
เพื่อเป็นการนอบน้อมแด่ครูบาอาจารย์ทั้งโหราศาสตร์และหมอดู
แต่ส่วนหนึ่งก็เพื่อนำมาซึ่งบทความนี้เพื่อให้เห็นว่าแม้แต่คาถาไหว้ครูของโหรและหมอดูก็ยังต่างกัน
เรามาดูความหมายและความแตกต่างระหว่างโหรกับหมอดูกันดีกว่า....
โหร คือผู้เรียนวิชาโหราศาสตร์ เรียนรู้การโคจรของดาวบนท้องฟ้า เรียกว่า "ดาราศาสตร์" สามารถคำนวณดาวต่างๆ ที่โคจรในแต่ละราศี กี่องศา กี่ลิปดา รู้เรื่องอธิกมาส-อธิกวาร ในรอบ 1 ปี มีดวงอาทิตย์โคจรปัดเหนือ ปัดใต้ ทำให้เกิดฤดูกาลต่างๆ ซึ่งเป็นอุตุศาสตร์ ต้องเรียนรู้ดาวฤกษ์ 27 กลุ่ม
ต้องเรียนรู้ฤกษ์ยาม หาวัน-ยาม-ฤกษ์-ราศี-ดิถี- ตามกาลโยคประจำปี ให้รู้วันดี ธงชัย อธิบดี อุบาทว์
โลกาวินาศ ต้องรู้เรื่องฤกษ์ผานาที สามารถให้ฤกษ์ปฏิวัติ ฤกษ์แต่งงาน ฤกษ์ปฏิสนธิให้ได้บุตรเป็นหญิงหรือชาย ต้องเรียนรู้ตำราพิชัยสงคราม จิตศาสตร์ แพทยศาสตร์ ล้วนอยู่ในตำราวิชาโหราศาสตร์
ฉะนั้นผู้ที่จะเป็น "โหร" ยังต้องเรียนรู้อีกมาก ทั้งภูมิศาสตร์ เคหศาสตร์ นรลักษณ์ศาสตร์ ทำให้รู้ถึงอำนาจอิทธิพลของดวงดาวที่มีอิทธิพลต่อโลกมนุษย์ โหรจะเป็นผู้รู้กาลเวลาที่จะเกิดเหตุร้ายแก่สรรพสิ่งทั้งหลายในจักรวาลฟ้าครอบ รวมทั้งเหตุเภทภัยที่จะเกิดขึ้นทั้งภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุ ที่เกิดโดยอิทธิพลดาวและสิ่งที่มนุษย์เป็นผู้กระทำ ฯลฯ
หมอดูจึงรู้เฉพาะเรื่องปัญหาชะตาชีวิตคน จึงต่างกับโหรที่จะต้องรู้ชะตาบ้านชะตาเมือง จะต้องใช้ศาสตร์ต่างๆ มากมายมาเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์พิจารณา ในสมัยโบราณนักโหราศาสตร์มียศถาบรรดาศักดิ์ถึงขั้นเจ้าพระยาโหราธิบดี
วิชาโหราศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ลึกซึ้งมาก ต้องพยายามศึกษาจริงๆ เนื่องจากเป็นวิชาที่ยากหาผู้รู้จริงถ่ายทอดยาก ต้องอาศัยฝึกฝนด้วยตนเองและสืบเสาะหาตำราอย่างตั้งใจจริงจึงจะพออ่านดวงชะตาออก
ซ้ำผู้รู้จริงก็ไม่ยอมเปิดเผยเคล็ดลับบอกกล่าวกันโดยตรง เป็นเหตุให้ผู้เรียนท้อถอย
การเรียนรู้วิชาโหราศาสตร์เหมือนเป็นแว่นส่องทางเดินของชีวิต เหมือนเดินทางในที่มืดเวลากลางคืน วิชาโหราศาสตร์ก็เหมือนไฟฉายส่องทางเดิน
ฉะนั้นจึงพอจะแบ่งได้ว่า "โหร" กับ "หมอดู" นั้นต่างกัน โหราศาสตร์เขาใช้สำหรับคนชั้นสูง
ส่วนวิชาหมอดูเขาใช้กับคนชั้นกลางลงไป เพราะวิชาที่หมอดูใช้อยู่ทั่วไปคือ เลข 7 ตัว ไพ่ยิปซี
เสี่ยงทาย ลายมือ เข้าทรง นั่งทางใน อ้างว่าใช้สมาธิ ซึ่งข้อมูลในการพิจารณาใช้การเดาลูกเดียว
คนที่จะเรียนโหราศาสตร์เพื่อเป็นโหรจะต้องรู้หลักธรรมะ พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า บุคคลใดสร้างกรรมไว้มากมาย กรรมนั้นย่อมสนองผลได้ เหมือนคนดวงดีแต่ไปอาศัยอยู่ในหมู่กลุ่มคนไม่ดี ในสถานที่นั้นมีแต่คนทำกรรมชั่ว ดาวดีก็ไม่สามารถเปล่งแสงส่งผลดีให้กับชีวิต เหมือนถูกความมืดมนบดบัง เช่นเดียวกับเมฆหมอกปกคลุมดวงจันทร์และดวงอาทิตย์
หมอดู คือบุคคลที่ทำมาหากินกับการทำนายชะตาชีวิต ดูโชคดี โชคร้าย ให้กับคนที่มีทุกข์ เหมือนจิตแพทย์ แต่ใช้การรักษาจิต ด้วยการสะเดาะเคราะห์ รดน้ำมนต์ ปล่อยนกปล่อยปลา แล้วแต่หมอดูจะกำหนด ส่วนใหญ่จะใช้ตำราเลข 7 ตัว เลข 12 ตัว พรหมชาติ ไพ่ป๊อก ลายมือ เสี่ยงทาย เข้าทรง ฯลฯ
ที่มาจาก http://www.horasadthai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=362732
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น