วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ความแตกต่างระหว่างโหรกับหมอดู

เพื่อน ๆ เคยสงสัยบ้างไหม ทำไมบางคนเรียกว่า "โหร" ทำไมบางคนเรียกว่า "หมอดู"
"โหร" กับ "หมอดู" ต่างกันอย่างไร ทำไมถึงต้องเรียกต่างกัน...
อย่างที่ได้เกริ่นนำโดยนำคาถาไหว้ครูโหราศาสตร์กับคาถาไหว้ครูหมอดูมาไว้ในตอนที่แล้ว
เพื่อเป็นการนอบน้อมแด่ครูบาอาจารย์ทั้งโหราศาสตร์และหมอดู
แต่ส่วนหนึ่งก็เพื่อนำมาซึ่งบทความนี้เพื่อให้เห็นว่าแม้แต่คาถาไหว้ครูของโหรและหมอดูก็ยังต่างกัน
เรามาดูความหมายและความแตกต่างระหว่างโหรกับหมอดูกันดีกว่า....

โหร คือผู้เรียนวิชาโหราศาสตร์ เรียนรู้การโคจรของดาวบนท้องฟ้า เรียกว่า "ดาราศาสตร์" สามารถคำนวณดาวต่างๆ ที่โคจรในแต่ละราศี กี่องศา กี่ลิปดา รู้เรื่องอธิกมาส-อธิกวาร ในรอบ 1 ปี มีดวงอาทิตย์โคจรปัดเหนือ ปัดใต้ ทำให้เกิดฤดูกาลต่างๆ ซึ่งเป็นอุตุศาสตร์ ต้องเรียนรู้ดาวฤกษ์ 27 กลุ่ม

ต้องเรียนรู้ฤกษ์ยาม หาวัน-ยาม-ฤกษ์-ราศี-ดิถี- ตามกาลโยคประจำปี ให้รู้วันดี ธงชัย อธิบดี อุบาทว์
โลกาวินาศ ต้องรู้เรื่องฤกษ์ผานาที สามารถให้ฤกษ์ปฏิวัติ ฤกษ์แต่งงาน ฤกษ์ปฏิสนธิให้ได้บุตรเป็นหญิงหรือชาย ต้องเรียนรู้ตำราพิชัยสงคราม จิตศาสตร์ แพทยศาสตร์ ล้วนอยู่ในตำราวิชาโหราศาสตร์

ฉะนั้นผู้ที่จะเป็น "โหร" ยังต้องเรียนรู้อีกมาก ทั้งภูมิศาสตร์ เคหศาสตร์ นรลักษณ์ศาสตร์ ทำให้รู้ถึงอำนาจอิทธิพลของดวงดาวที่มีอิทธิพลต่อโลกมนุษย์ โหรจะเป็นผู้รู้กาลเวลาที่จะเกิดเหตุร้ายแก่สรรพสิ่งทั้งหลายในจักรวาลฟ้าครอบ รวมทั้งเหตุเภทภัยที่จะเกิดขึ้นทั้งภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุ ที่เกิดโดยอิทธิพลดาวและสิ่งที่มนุษย์เป็นผู้กระทำ ฯลฯ

หมอดูจึงรู้เฉพาะเรื่องปัญหาชะตาชีวิตคน จึงต่างกับโหรที่จะต้องรู้ชะตาบ้านชะตาเมือง จะต้องใช้ศาสตร์ต่างๆ มากมายมาเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์พิจารณา ในสมัยโบราณนักโหราศาสตร์มียศถาบรรดาศักดิ์ถึงขั้นเจ้าพระยาโหราธิบดี


วิชาโหราศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ลึกซึ้งมาก ต้องพยายามศึกษาจริงๆ เนื่องจากเป็นวิชาที่ยากหาผู้รู้จริงถ่ายทอดยาก ต้องอาศัยฝึกฝนด้วยตนเองและสืบเสาะหาตำราอย่างตั้งใจจริงจึงจะพออ่านดวงชะตาออก
ซ้ำผู้รู้จริงก็ไม่ยอมเปิดเผยเคล็ดลับบอกกล่าวกันโดยตรง เป็นเหตุให้ผู้เรียนท้อถอย

การเรียนรู้วิชาโหราศาสตร์เหมือนเป็นแว่นส่องทางเดินของชีวิต เหมือนเดินทางในที่มืดเวลากลางคืน วิชาโหราศาสตร์ก็เหมือนไฟฉายส่องทางเดิน

ฉะนั้นจึงพอจะแบ่งได้ว่า "โหร" กับ "หมอดู" นั้นต่างกัน โหราศาสตร์เขาใช้สำหรับคนชั้นสูง
ส่วนวิชาหมอดูเขาใช้กับคนชั้นกลางลงไป เพราะวิชาที่หมอดูใช้อยู่ทั่วไปคือ เลข 7 ตัว ไพ่ยิปซี
เสี่ยงทาย ลายมือ เข้าทรง นั่งทางใน อ้างว่าใช้สมาธิ ซึ่งข้อมูลในการพิจารณาใช้การเดาลูกเดียว

คนที่จะเรียนโหราศาสตร์เพื่อเป็นโหรจะต้องรู้หลักธรรมะ พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า บุคคลใดสร้างกรรมไว้มากมาย กรรมนั้นย่อมสนองผลได้ เหมือนคนดวงดีแต่ไปอาศัยอยู่ในหมู่กลุ่มคนไม่ดี ในสถานที่นั้นมีแต่คนทำกรรมชั่ว ดาวดีก็ไม่สามารถเปล่งแสงส่งผลดีให้กับชีวิต เหมือนถูกความมืดมนบดบัง เช่นเดียวกับเมฆหมอกปกคลุมดวงจันทร์และดวงอาทิตย์

หมอดู คือบุคคลที่ทำมาหากินกับการทำนายชะตาชีวิต ดูโชคดี โชคร้าย ให้กับคนที่มีทุกข์ เหมือนจิตแพทย์ แต่ใช้การรักษาจิต ด้วยการสะเดาะเคราะห์ รดน้ำมนต์ ปล่อยนกปล่อยปลา แล้วแต่หมอดูจะกำหนด ส่วนใหญ่จะใช้ตำราเลข 7 ตัว เลข 12 ตัว พรหมชาติ ไพ่ป๊อก ลายมือ เสี่ยงทาย เข้าทรง ฯลฯ
 
ที่มาจาก http://www.horasadthai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=362732

คาถาไหว้ครูหมอดู

          โองการพินธุนาถัง อุปปันนังพรหมา สะหะปะตินามะ อาทิกัปเปสุอาคะโต ปัญจะปะทุมังทิสวา นะโมพุทธายะวันทะนัง
          เสฏฐันติ ระตะนัง โลเก วันทิตะวา ปะการะณัง อิมังเลขะสมุทยัง ปะริสายะ ยะถาพะลัง
         
          ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอประณตน้อมนมัสการ คุณครูอาจารย์ผู้ฝึกสอน ให้เรียนรู้ปกรณ์ โหราศาสตร์คณะวิทยกิจ ขอสิ่งประสิทธิ์สรรพมงคลสวัสดี จงมีแก่ข้าพเจ้า ผู้มุ่งกมลประสาทโสมนัส จัดผดงเจตน์บำบวงสรวงสิทธิเคารพ นบน้อมพร้อมกายวจีจิต บรรจงสรรพสักการามิศ อุทิศแด่ท่านบรรพครูโหราจาริย์ อ้างเดิมกาลพรหมทั้งสี่ มีกสิณพรหมเป็นอาทิเหตุ ผู้บำเพ็ญญาณประเภทเลขคำนวนกิจ เสริมประสิทธิสฤษดิ์สรรพคัมภีร์ โดยวิถีทางโหราศาสตร์ ตั้งอสีติธาตุและสุริยาตร์สารัมภ์ สูริย์จันทร์ประจำลักขณ์ราศี จักรทีปนีพยากรณ์ดาราศาสตร์ ทบทวนธาตุแบ่งปัน ปักษ์ดิถีวันเดือนฤดูกาล สิบสองฐานนพเคราะห์ รู้แม่นเหมาะพื้นภูมิพิภพ แจ้งเจนจบญาณวิถี จงปราณีโปรดรับสักการ สรรพพิธานพลีกิจ ซึ่งจงจิตน้อมอภิวันท์ สมประโยชน์พลันเจริญช่วย เอื้ออำนวยพรพิสุทธิ์ แก่กุลบุตรผู้ศึกษา ในโหราศาสตร์ปกรณ์ ทั้งผู้สอนและผู้เรียน จงเพียรเพิ่มพูลสวัสดิ์ ให้แจ้งจัดเจนจำทรง แม่นมั่นคงทุกคัมภีร์ ขออย่ามีวิปลาศ ด้วยอำนาจประนอมนบ น้อมเคารพครูอาจาริย์ จงบรรดาลดลให้ ผู้ที่เรียนจงรู้ได้ สะดวกพร้อมสมประสงค์ ประสิทธิเทอญ
          ข้าพเจ้า ขอกราบระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ ทั้งหลายทั้งปวง ผู้ประสิทธิ ประสาทสรรพวิชาให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่ปฐมวัยจวบจนปัจจุบันทั้ง ครูท่องพักลักจำ ครูชี้ครูแนะ ครูตำรับตำรา ครูอักขระ ครูเลข ครูภาษาและครูโหราศาสตร์

ที่มาจาก หนังสือ พระคัมภีร์พระเวท (ปฐมบรรพ) ของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร

คาถาไหว้ครูโหรศาสตร์

นะโม ตัสสะภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (ว่า 3 จบ)
เสฏฐันติ รัตนัง โลเก วันทิตะวา ปะการะณัง อิมัง เลขสมุทะยัง กริสะสามิ ยะถาพะลัง

เสร็จแล้ว เอาแป้งหอมน้ำมันหอมเจิมที่คัมภีร์ และปิดทองที่คัมภีร์ด้วย แล้วอุทิศส่วนกุศล ไปให้ครูอาจารย์ และให้ระลึกถึงอาจารย์โหรทั้ง 5 อันได้มาสู่ธรรมวินัยของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้มาอนุกูลในการศึกษาวิชาโหราศาสตร์นี้ด้วย คือ

1. พระอัญญาโกณฑัญญมหาเถร
2. พระวังคีสมหาเถร
3. พระอุตตมรามมหาเถร
4. พระอุทุมพรมหาเถร
5. พระอุตตมมังคลาจารย์

ที่มาจาก หนังสือคัมภีร์โหราศาสตร์ไทย มาตรฐาน ฉบับสมบูรณ์ ของหลวงวิศาลดรุนกร (อั้น สาริกบุตร)

ทักทายกันก่อนนะครับ......

สวัสดีครับทุกคน

Blog นี้ จะเป็น Blog ที่รวบรวมความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับวิชาโหราศาสตร์ทั้งไทยและสากล

มาให้ทุกคนได้ศึกษากัน เพื่อน ๆ ก็คอยติดตามกันด้วยนะครับ

ในการทำ Blog นี้ผมได้คัดลอกข้อมูลมาจากผลงานประพันธ์ต่าง ๆ และเห็นว่าจะเป็นประโยชน์

สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาในวิชาโหราศาสตร์และหมอดู

ผมจึงต้องขออภัยและขอขอบพระคุณอย่างสูงสำหรับข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้นำมาอ้างอิง

โดยมิได้ทำการขออนุญาต

หากมีข้อผิดพลาดผมก็ต้องขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย

สุดท้ายหากมีข้อสงสัยหรือแนะนำก็สามารถแนะนำเข้ามาได้นะครับ.....